บทที่ 5 ตอนที่ 5
หลังจากพาฮัสซันเข้านอนเรียบร้อยแล้ว มะลิก็รีบโทร.หาญาติผู้ใหญ่ที่เหลือเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ด้วยความร้อนใจ หล่อนต้องการคำปรึกษา หรืออย่างน้อยๆ ก็แค่ได้ระบายความทุกข์ทรมานใจที่เกิดจากความหวาดกลัวออกไปก็ยังดี
“ความจริงป้าว่า... มะลิคืนฮัสซันให้กับญาติที่แท้จริงไปก็เป็นทางเลือกที่ดีนะ”
คำแนะนำของป้าสมศรีซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของมารดาผู้ล่วงลับไปแล้วของตนเองดังมาตามสาย แต่มันช่างขัดกับความต้องการของหล่อนเหลือเกิน
“หนูยกฮัสซันให้กับใครไม่ได้หรอกป้า หนูรักฮัสซันมาก ป้าสมศรีก็รู้นี่คะ” หล่อนน้ำตาซึมยามพูดออกมา
ฮัสซันเป็นเด็กร่าเริง นิสัยดี ไม่ว่าหล่อนจะสั่งสอนอบรมอะไร ฮัสซันก็เชื่อฟังเสมอ แถมฮัสซันยังรักหล่อนมากด้วย ซึ่งก็เหมือนกับที่หล่อนรักฮัสซันนั่นแหละ
“ป้ารู้ แต่ฮัสซันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับมะลิเลยนะ ทางสายเลือดน่ะ”
“แต่ทางกฎหมาย หนูเป็นผู้ปกครองของฮัสซันเพียงคนเดียวนะคะ”
“ป้ารู้ แต่ญาติพี่น้องของฮัสซันจะยอมเหรอ แล้วญาติๆ ของฮัสซันยังเป็นถึงราชวงศ์ด้วย”
นี่แหละที่หล่อนหวาดกลัว กลัวว่าเจ้าชายทะเลทรายคนนั้นจะใช้อำนาจเพื่อแย่งชิงฮัสซันไปจากอกของหล่อน ซึ่งหล่อนคงอยู่ไม่ได้แน่หากไม่มีฮัสซัน
“ถึงเป็นราชวงศ์ ถึงสูงส่งแค่ไหน แต่ก็ต้องอยู่ในกฎหมายบ้านเมืองของเราไม่ใช่เหรอคะ ป้าสมศรี”
กระบอกตาของมะลิร้อนผ่าวก่อนที่หยาดน้ำตาจะไหลรินออกมาอาบแก้ม
“ใต้กฎหมายของเรา แต่พวกเราเป็นถึงผู้ปกครองแคว้นเลยนะมะลิ ยังไงซะ เราก็แพ้”
“ทำไมป้าสมศรีไม่ให้กำลังใจหนูเลยล่ะ” หล่อนตัดพ้อ น้ำตาไหลไม่หยุด สะอื้นไห้เบาๆ
“ป้ารู้ว่ามะลิรักฮัสซันมาก แต่ป้าก็ไม่อยากให้มะลิโกหกตัวเอง ฮัสซันไม่ใช่ของมะลิ เด็กคนนี้มีสายเลือดสูงส่ง เราต้องคืนเขากลับไปสู่ราชวงศ์”
“หนู... ยอมไม่ได้...”
หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น นี่หล่อนกำลังจะสูญเสียฮัสซันให้กับ... เขาก็ไม่รู้อย่างนั้นเหรอ แล้วถ้าพวกเขาไม่รัก ไม่เอ็นดู หรือไม่เอาใจใส่ฮัสซันล่ะ จะทำยังไง ไม่มีทาง... หล่อนไม่มีทางไว้ใจคนอื่น
“หนูรักฮัสซัน และหนูก็ไม่เชื่อว่าคนพวกนั้นจะรักฮัสซันได้มากกว่าหนู”
“อย่าลืมสิมะลิ ฮัสซันคือคนของราชวงศ์แห่งซาเรีย มียศถาบรรดาศักดิ์ ดังนั้นจะไม่มีใครทำร้ายฮัสซันได้หรอก มะลิวางใจได้เลย เชื่อป้านะ ปล่อยฮัสซันไปเถอะ”
“ไม่... หนูยอมไม่ได้หรอกค่ะ”
คนปลายสายถอนใจออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“มะลิ... หนูยังสาวยังสวย ถ้าไม่มีฮัสซันสักคน หนูก็จะสามารถใช้ชีวิตอิสระยังไงก็ได้”
“ทำไมป้าสมศรีพูดแบบนี้คะ”
“ป้าพูดความจริง และป้าก็หวังดีกับมะลิด้วย ป้าไม่อยากให้มะลิมีภาระที่ไม่ใช่สายเลือดของตัวเอง”
“หนูไม่เคยมองฮัสซันว่าเป็นภาระค่ะ”
“แล้วที่มะลิทำงานหนักอยู่ทุกวันนี้ล่ะ ไม่ใช่เพื่อหาเลี้ยงฮัสซันหรือไง”
“มันคือหน้าที่ที่หนูต้องทำเพื่อฮัสซันค่ะป้าสมศรี”
คนปลายสายถอนใจออกมาอีกครั้ง “งั้นก็สรุปว่ามะลิจะไม่มีทางยอมปล่อยฮัสซันให้กับญาติพี่น้องเขาใช่ไหม”
“หนูคิดเอาไว้แบบนั้น แต่หนูไม่รู้ว่าจะสามารถตั้งรับได้แค่ไหน หนู...”
“มะลิสู้เขาไม่ได้หรอก”
คำพูดตรงไปตรงมาของป้าสมศรียิ่งทำให้หล่อนเครียดหนัก น้ำตาไหลรินไม่หยุด
“แล้วหนูควรจะทำยังไงดีคะป้าสมศรี หนูถึงจะไม่ต้องเสียฮัสซันไป”
“มะลิก็คงต้องทำข้อตกลงพวกเขา พูดกับเขาดีๆ บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนใจไม่คิดจะพาตัวของฮัสซันกลับไปยังประเทศก็เป็นได้”
“มันจะมีทางเป็นอย่างนั้นเหรอคะป้าสมศรี”
“พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ มะลิ”
หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อนจะกล่าวลาจากป้าสมศรี จากนั้นก็เดินกลับเข้ามายังห้องนอนที่ฮัสซันกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ หล่อนพยายามจะกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ขณะยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กของเด็กน้อยด้วยความรักเอ็นดู
“น้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาพรากฮัสซันไปจากน้าเด็ดขาด น้าจะสู้...”
สู้เหรอ...? แล้วหล่อนจะสู้ยังไงดีล่ะ
และการค้นหาทางออก มันก็ทำให้มะลิไม่อาจจะข่มตาหลับได้เลยตลอดทั้งคืน
เช้าวันต่อมา มะลิตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย หล่อนอาบน้ำแต่งตัวให้กับฮัสซันก่อนจะพาเด็กน้อยไปส่งที่โรงเรียนอนุบาล จากนั้นก็ดั้นด้นไปยังสำนักงานกฎหมายที่ตัวเองเคยเดินผ่าน และไม่เคยคาดคิดว่าจะมีโอกาสได้เข้ามาใช้บริการ
“เอ่อ... ดิฉันมาขอคำปรึกษาค่ะ”
ทนายความประจำออฟฟิศยิ้มให้กับหล่อน และนั่งฟังหล่อนพรั่งพรูทุกอย่างออกมาจากปากอยู่นานเกือบสิบนาที จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ผมคงให้คำปรึกษาอะไรคุณไม่ได้หรอกครับ”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ ถ้าต้องเสียค่าบริการก็คิดมาเลยนะคะ ดิฉันยินดีจ่ายค่ะ”
คู่สนทนาตรงหน้าส่ายศีรษะไปมาเล็กน้อย และท่าทางของเขาไม่ไยดีหล่อนเลย
“เพราะผมไม่อยากมีปัญหากับเจ้าชายเซรีมน่ะครับ”
หล่อนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจกับสิ่งที่ออกมาจากปากของผู้ชายตรงหน้า
“ทะ... ทำไมคุณรู้ล่ะคะว่า...”
มะลิยังพูดไม่ทันจบ คู่สนทนาก็แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายใดๆ
“ทนายความของเจ้าชายเซรีมติดต่อผมตั้งแต่เมื่อคืน และสั่งห้ามไม่ให้ผมให้คำปรึกษาใดๆ กับคุณครับ คุณมะลิ กรองอักษร”
มะลิถึงกับหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ “ทะ... ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะคะ คุณเป็นทนายความก็ควรช่วยเหลือประชาชนสิคะ ทำไมต้องทำตามคำสั่งของเจ้าชายจากต่างแดนด้วย”
คู่สนทนาของหล่อนลุกขึ้นยืน สีหน้าไม่ยินดียินร้ายเหมือนเดิมเลย “ก็เพราะว่าเจ้าชายเซรีมจ่ายเงินให้ผมยังไงล่ะครับ”
มะลิเข้าใจทุกอย่างในทันที หล่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ ความตกใจแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเคือง
“ฉันไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าคุณจะเห็นแก่เงินแบบนี้”
“ทุกคนก็เห็นแก่เงินกันทั้งนั้นแหละครับ อ้อ... แล้วก็ไม่ต้องไปหาทนายคนอื่นหรอกนะครับ เพราะเท่าที่ผมคุยกับทนายความของเจ้าชายเซรีม...”
ผู้ชายตรงหน้ายิ้มให้หล่อนอย่างสมเพช ก่อนจะพูดออกมาอย่างไร้ความละอาย “จะไม่มีใครให้คำปรึกษากับคุณอย่างแน่นอน”
หล่อนกำมือแน่น มองผู้ชายเห็นแก่เงินตรงหน้าด้วยความขยะแขยงชิงชัง
